วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

การเปลี่ยนแปลง...เริ่มที่ตัวเรา (ครู)..สู่ศตวรรษที่ 21



ตื่นเถิดชาวไทยอย่ามัวหลับใหลลุ่มหลง...ชาติจะเรืองดำรงก็เพราะเราทั้งหลาย

หลายๆคนคงจะเคยได้ฟังเพลงนี้นะคะ...ผู้เขียนอยากจะให้เนื้อเพลงท่อนนี้ปลุกใจให้คนไทยทุกคนตื่นตัวและตระหนักถึงความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในศตวรรษที่ 21 โลกที่มีเทคโนโลยีมาเป็นตัวขับเคลื่อนสังคม โลกที่ทุกคนบนโลกใบนี้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้  หรือกล่าวได้ว่าสังคมของเรากว้างขึ้น ซึ่งในปี 2558 เราจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน คำถามที่ผู้เขียนมักพบเจอหรือผู้คนมากมายชอบตั้งคือ ประเทศไทยพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนหรือยัง??? ทุกคนถามว่าพร้อมหรือยัง แต่ไม่ได้ย้อนกลับมามองตัวเอง ถามไปงั้นๆแหละ  (อีกตั้งนาน อีก 2-3 ปี เดี๋ยวถึงเวลาก็พร้อมเอง คงจะมีคนมิน้อยที่คิดแบบนี้)  ก็เพราะคนส่วนใหญ่คิดแบบนี้...จึงทำให้ประเทศของเรายังไม่ถึงจุดที่พร้อม...
แล้วเราจะทำอย่างไรให้คนไทยพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน...


คงจะปฏิเสธมิได้ว่าการศึกษาและสังคมนั้นเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน
การศึกษาเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศ และประชาชนทุกคนเป็นทรัพยากรที่สำคัญ ดังนั้นการศึกษาในศตวรรษที่ 21 จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ และ  "ครู" คือ หัวใจหลักในการพัฒนาการศึกษา พัฒนาคน และพัฒนาชาติ   

ถึงเวลาแล้วที่"ครู"จะต้องเปลี่ยนแปลง 

เพราะถ้าหากเรายังยึดติดกับกระบวนการ กระบวนทัศน์ หรือวิธีการเดิมๆ ก็จะส่งผลให้การเรียนรู้ของผู้เรียนไม่สอดคล้องกับโลกที่กำลังจะเปลี่ยนไป

รองศาสตราจารย์ ดร. วิสาโรจน์ สารวัตนะ ได้เสนอประเด็นและข้อคิดจากหนังสือกระบวนทัศน์ใหม่ทางการศึกษา กรณีทัศนะต่อการศึกษาศตวรรษที่ 21

 ซึ่งในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการใช้ชีวิต ดันั้นครูจึงจำเป็นจะต้องเรียนรู้เทคโนโลยีและรู้จักนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ การจัดการเรียนการสอน  จะทำให้ผู้เรียนซึ่งเป็นผู้ที่เข้าถึงเทคโนโลยีรู้สึกสนุกและเกิดแรงจูงใจในการเรียนสามารถใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม โดยครูเป็นผู้ชี้แนะแนวทางเพิ่มเติม




เดิมห้องเรียนเป็นโลกใหม่โลกเป็นห้องเรียน

จะเห็นได้ว่าถ้าเราสามารถนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการจัดการเรียนการสอน จะทำให้การเรียนการสอนนั้นมีความยืดหยุ่น  ไม่น่าเบื่อ 
ทำให้ผู้เรียนและครูไม่เครียด





และควรจัดการเรียนการสอนแบบบูรณาการ แบบร่วมมือ หรือให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการจัดการเรียนรู้  ให้ผู้เรียนได้เสนอในสิ่งที่อยากเรียน เรียนรู้จากการลงมือทำ จะทำให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต




นอกจากนี้สิ่งที่ครูจะต้องเพิ่มเติมให้กับนักเรียนคือ      ทักษะแห่งอนาคตใหม่ ก้าวเรียนรู้ในศตรวรรษที่ 21

ทักษะแห่งอนาคตใหม่จะช่วยให้ผู้เรียนใช้ชีวิตอยู่ในโลกปัจจุบัน โลกที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม ภาษา การยอมรับความแตกต่าง ซึ่งกันและกันได้ดีขึ้น และสามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้ ไม่ใช่เก็บแต่ความรู้ไว้ในตำราเท่านั้น



จากประเด็นต่างๆที่ผู้เขียนได้ศึกษาและนำเสนอมานั้น จะเกิดขึ้นจริงมิได้หากไม่มีการเริ่มต้น การเริ่มต้นอยากเสมอแต่ทุกๆอย่างจะต้องมีการเริ่มต้นถึงจะไปถึงจุดหมายได้ การเิ่ริ่มต้นที่ดีในเรื่องการศึกษาคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าจะต้องเริ่มจากครู ครูจะต้องไม่หยุดนิ่ง  ก้าวทันโลก และเตรียมการจัดการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับโลกปัจจุบัน เพื่อจะได้ผลิตคนให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีความสุขในโลกจริง


แหล่งอ้างอิง : http://phd.mbuisc.ac.th/powerpoint/21stCentury_new.pdf
                       : http://apps.qlf.or.th/member/UploadedFiles/prefix-12122555-124333-X1x217.pdf

วันอังคารที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ลูกไม้หล่น...ไม่ไกลต้น

เพราะพ่อ...จึงมีวันนี้
ี่
       ชีวิตของผู้หญิงคนนี้เริ่มต้นที่จังหวัดนครพนม เป็นลูกอีสานแท้ๆ พ่อเป็นคนสกลนคร  แม่เป็นคนนครพนม ผู้หญิงคนนี้มีชื่อว่า "ภัสสร  สมเกียรติยศ" ชื่อเล่น "น้ำหวาน" (พ่อกับแม่ตั้งให้) แต่พอจำความได้ก็เปลี่ยนเอง เหลือ "หวาน" เฉยๆ งงตัวเองเหมือนกันค่ะว่าทำไมถึงบอกเพื่อนว่าชื่อ "หวาน" สงสัยคิดว่าเชื่อตัวเองยาวไป:)  เกิดวันที่ 28 พฤศจิกายน 2532 คะ เกิดวันอังคาร สีชมพู แต่หวานไม่ชอบสีชมพู หวานชอบสีส้มคะ
 



  
       หวานเป็นเด็กเรียบร้อยคะ (ไม่ได้คิดเองนะคะ) คนส่วนใหญ่จะบอกว่าหวานเรียบร้อย เป็นลูกตำรวจที่ไม่เหมือนลูกตำรวจ  แต่จริงๆแล้วหวานจะมีสองบุคลิก เวลาอยู่กับเพื่อนก็จะแก่นๆเฮี้ยวๆหน่อย แต่พออยู่กับครอบครัวก็จะเป็นอีกแบบนึง (เอ๊ะยังไง) โดยนิสัยแล้วหวานจะพูดน้อย แต่ถ้าได้สนิทแล้วแย่งคนอื่นพูดคะ ชีวิตในวัยเด็กก็ดูราบเรียบไม่ค่อยมีวีรกรรมเท่าไหร่ เป็นเด็กที่ดูแลตัวเองได้ อยู่หอตั้งแต่มัธยมเพราะโรงเรียนไกลจากบ้านประมาณ 50 กิโลเมตร จนกระทั่งตอนอยู่ ม. 6 ถึงตอนที่ตัดสินใจเลืออกคณะที่จะเรียน....มาดูกันนะคะมาหวานเลือกเรียนอะไร และเพราะอะไร
          
           "ครู" คือ คำตอบ


          ข้อแรก : พ่อคือต้นแบบตอนที่หวานเป็นเด็ก...มีคนมาถามหวานว่าพ่อทำงานอะไร...คำตอบจากเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆก็ตอบแบบเด็กๆว่า"พ่อหนูเป็น "ตำรวจ" ที่เป็น "ครู" ด้วยคะ คำตอบคำตอบนี้มันรู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่ตอบ :))  ตั้งแต่หวานจำความได้หวานก็อยู่บ้านพักที่ติดกับโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน ทุกๆครั้งที่พ่อไปสอนนักเรียนหวานก็มักจะตามไปด้วย พ่อสอนหลายวิชามาก เกษตร ดนตรี ภาษาไทย คณิต พ่อขยันมาก ดูแลนักเรียนเป็นอย่างดี พ่อเอาใจใส่ลูกศิษย์ คอยหางานให้ทำ หานู้นหานี่ให้ตลอด (ฟังเค้าเล่ามาอีกที) หวานแอบไปกินนมถั่วเหลืองกับนักเรียนเกือบทุกวัน 555  และบ่อยครั้งที่สมเด็จพระเทพฯ เสด็จมาโรงเรียน หวานก็ไปรับเสด็จต่อแถวรับของเล่นจากพระองค์ท่าน (เป็นความประทับใจ) แต่พอโตขึ้นมาหน่อย พ่อก็ย้ายที่ทำงานไปเป็นทำงานตำรวจอย่างเดียว แต่ความเป็นครูก็ยังติดอยู่ในตัวพ่อเสมอ เวลาที่พ่อไปเยี่ยมหมู่บ้านหรือโรงเรียน ทุกคนก็จะเรียกพ่อว่าครูเสมอ


            และนั่นเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆ ที่ทำให้หวานอยากจะประกอบอาชีพครู


             ข้อที่สอง : คำพูดของ "พ่อ"วันที่หวานจะเลือกคณะ พ่อบอกกับหวานว่าเลือกในสิ่งที่ลูกอยากจะเรียน เพราะนี่คืสมบัติที่มีค่าที่สุดที่พ่อจะให้ลูก ความรู้เป็นสิ่งที่ใครก็ขโมยจากเราไปไม่ได้ มันจะอยู่ติดตัวเราไปตลอดชีวิต พ่อเชื่อว่าลูกทำได้เรียนได้ ไม่ว่าจะเลือกคณะอะไรก็ตาม พอพ่อพูดจบแค่นั้นแหละ  คำว่า "ครู" ก็ปรากฎขึ้นมาในใจ อาชีพนี้แหละ อาขีพที่จะมอบสมบัติล้ำค่าให้คนอื่น คิดได้ไงหวาน??? ตอบไปว่างั้นหวานเรียนครูนะคะ
             
              เหตุผลสองข้อนี้แหละที่ทำให้หวานเลือกที่จะประกอบอาชีพครู



       พอเลือกคณะได้ก็ได้มาเรียนที่คณะครุศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย   ตอนที่เข้ามาอยู่กรุงเทพช่วงแรกๆรู้สึกอึดอัด ดูวุ่นวายไปหมด ร้องไห้ทุกวันเลยคะ  แต่พอนานวันเข้าก็ปรับตัวได้และชินชาไปเอง   และอยู่กรุงเทพด้วยความปลอดภัยมาเป็นระยะเวลา 5 ปี พอเรียนจบช่วงแรกๆคิดอยู่อย่างเดียวกลับไปทำงานที่บ้าน นครพนมบ้านเรา  แต่พอเรียนจบกลับไปบ้านไม่มีงานให้ทำ ทำไงดีว่างงานอยู่ประมาณสองเดือน บอกพ่อกับแม่ว่าหวานอยากทำงานคะ พ่อก็เลยเสนอ (พ่ออีกแล้ว) พ่อบอกว่างั้นไปทำงานใกล้ๆกรุงเทพหรือที่กรุงเทพ แล้วก็เรียนต่อโทด้วย  ก็เลยได้กลับมาอยู่กรุงเทพอีกรอบ โดยมาเป็นครูที่โรงเรียนสมุทรปราการ แล้วก็ได้มาเรียนต่อที่นี้คะ ตอนแรกรู้สึกหนักใจเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย คงเหนื่อยน่าดู แต่พอมาเรียนก็เหนื่อยจริงๆคะ:D ถึงจะเหนื่อยแต่ก็ยังสู้คะ :)
         

         

       
       ที่เล่ามาแลดูเหมือนว่าชีวิิตนี้มีแต่พ่อ  หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วแม่ละ แล้วความคิดของหวานละ  มีมาเกี่ยวข้องในการเลือกทางเดินชีวิตไหม หวานบอกได้เลยว่าหวานมีวันนี้ได้ก็เพราะครอบครัว พ่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับหวาน แม่คือกำลังใจที่ยิ่งใหญ่  และหวานก็เป็นคนสร้างชีวิตของหวานเองคะ ยิ่งพูดยิ่งคิดถึงพ่อกับแม่ TT
       
         ความคาดหวังในอนาคตอยากจะกลับไปทำงานที่บ้านเกิด (นครพนม) อยากจะกลับไปพัฒนาบ้านเกิด  และหวานก็มีความเชื่ออยู่อย่างนึงว่าถ้าไปทำงานที่อื่นก็จะกลายไปเป็นคนที่อื่น...แต่หวานอยากจะเป็นคนนครพนม ที่อยู่นครพนมคะ (สุขที่สุด ณ นครพนม)





       
 
ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนคะ....และก็ดีใจที่ได้มาเรียนที่นี่...มาเรียนรู้ในสถานที่ใหม่ๆ...และพร้อมจะเปิดรับสิ่งใหม่ๆที่จะเข้ามาคะ...